1.มอเตอร์ไซค์เวสป้า
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Piaggio ที่แต่เดิมมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือและส่วนเครื่องบิน หันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็กๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มันคือสกู๊ตเตอร์ หรือ รถจักรยานยนต์คันเล็กๆ ที่มีล้อต่ำๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆ ถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำกระเด็นใส่ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อร้องเลย" ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อ (Wasp)
รุ่นแรกเป็นสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียว หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมา รถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของ Vespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ 1990 สกู๊ตเตอร์รุ่นแรกมีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98 cc. ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125 cc., 150 cc. และ 200 cc. ตามลำดับ
ในประเทศไทย Piaggio Group มีตัวแทนจำหน่ายรถเวสป้า ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ไทยเจริญ อะไหล่ยนต์ จำกัด[
tumitservice
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554
มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์
2.มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์
Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น
Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น
มอเตอร์ไซค์มังกี้
3. มอเตอร์ไซค์มังกี้
มอเตอร์ไซค์ มังกี้ หรือ เจ้าลิงน้อยทรงเพรียว มีประวัติความเป็นมาที่น่าทึ่งที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและอัจฉริยะของชาว ญี่ปุ่นในการสร้างสรรค์ยนตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมากด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ที่ไม่น้อยหน้าซีกโลกตะวันตก
เรื่องราวของเจ้าลิงน้อยมังกี้เริ่มต้นในปีค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ในโรงงานผลิตมอเตอรไซค์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดย ที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมา ใหม่เพื่อทำให้เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่ในยามว่าง หรือนำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี ,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง.มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่น ๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซค์คันน้อยนี้ว่ารุ่น “แซด ร้อย” Z100 ในเวลานั้นยังไม่มีใครนึกถึงชื่ออื่น
มอเตอร์ไซค์ มังกี้ หรือ เจ้าลิงน้อยทรงเพรียว มีประวัติความเป็นมาที่น่าทึ่งที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและอัจฉริยะของชาว ญี่ปุ่นในการสร้างสรรค์ยนตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมากด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ที่ไม่น้อยหน้าซีกโลกตะวันตก
เรื่องราวของเจ้าลิงน้อยมังกี้เริ่มต้นในปีค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ในโรงงานผลิตมอเตอรไซค์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดย ที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมา ใหม่เพื่อทำให้เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่ในยามว่าง หรือนำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี ,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง.มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่น ๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซค์คันน้อยนี้ว่ารุ่น “แซด ร้อย” Z100 ในเวลานั้นยังไม่มีใครนึกถึงชื่ออื่น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)